วันพฤหัสบดีที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2555
ท้องฟ้าจำลองจ.นครราชสีมา
อบจ.โคราช ทุ่มงบ 155 ล้านบาท สร้างศูนย์ดาราศาสตร์และวิทยาศาสตร์ (ท้องฟ้าจำลอง) แห่งแรกในภาคอีสาน บนพื้นที่กว่า 30 ไร่ หวังให้เป็นแหล่งความรู้ด้วยระบบที่ทันสมัย สามารถนำเสนอเกี่ยวกับดาราศาสตร์ทั้งของโลกและของไทยอย่างครบถ้วน เป็นประโยชน์ให้กับประชาชน เด็กนักเรียน เยาวชน
นพ.สำเริง แหยงกระโทก นายก อบจ.นครราชสีมา กล่าวว่า ขณะนี้ทางศูนย์ดาราศาสตร์และวิทยาศาสตร์ (ท้องฟ้าจำลอง) ได้เปิดให้นักเรียน นักศึกษา เยาวชนและประชาชนทั่วไปได้เข้ามาชม ซึ่งในพิธีเปิดตรงกับวันเด็กแห่งชาติที่ผ่านมา จึงถือเป็นของขวัญสำหรับเด็กลูกหลานคนโคราชและชาวภาคอีสาน เพราะท้องฟ้าจำลองแห่งนี้เป็นการสร้างเป็นแห่งแรกในภาคอีสาน มีเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุดในเอเชียอาคเนย์ ก่อสร้างบนเนื้อที่กว่า 30 ไร่ บริเวณโรงเรียนเตรียมอุดมน้อมกล้า นครราชสีมา ถนนโคกกรวด-หนองปลิง ต.โคกกรวด อ.เมืองนครราชสีมา เป็นแหล่งเรียนรู้ด้วยระบบที่ทันสมัย สามารถนำเสนอเกี่ยวกับดาราศาสตร์ทั้งของโลกและของไทยอย่างครบถ้วน เกิดประโยชน์ต่อประชาชน นักเรียนและเยาวชนเพื่อเป็นแนวทางศึกษาด้านดาราศาสตร์ มีการจำลองท้องฟ้ามาอยู่ในอาคารแห่งนี้ให้ผู้เข้าชมได้สัมผัสกับปรากฏการณ์ ของท้องฟ้า เรียนรู้ดาราศาสตร์และความรู้ทางวิทยาศาสตร์อื่นๆ อีกมากมายที่จะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อผู้เข้าชม โดยเฉพาะเครื่องฉายดวงดาวเป็นเครื่องที่ 2 ที่ประเทศญี่ปุ่นได้ผลิตขึ้นมาให้กับดาราศาสตร์ของโคราช เป็นเครื่องที่มีประสิทธิภาพเยี่ยม สามารถฉายดาวได้ครั้งละ 10 ล้านดวง ถือได้ว่าเป็นเครื่องฉายดาวเครื่องที่ 2 ที่ทันสมัยที่สุดในภาคพื้นเอเชียอาคเนย์
ส่วนภายในอาคารได้สร้างโครงที่แข็งแรง มีที่นั่งรายล้อมและสภาพภูมิทัศน์ที่สอดคล้องกับสถานที่ด้วย และในปี 2555 เป็นโอกาสอันดีของ อบจ.นครราชสีมาได้เปิดโอกาสให้เด็ก นักเรียน เยาวชน ประชาชนในเขต จ.นครราชสีมาและจังหวัดใกล้เคียงเข้าชมและศึกษาเป็นปฐมฤกษ์ไปแล้ว ซึ่งในวันนั้นมีการจำลองให้ตัวอาคารเป็นกระสวยอวกาศที่กำลังจะถูกปล่อยจาก ภาคพื้นดิน โดยการติดตั้งซูเปอร์เปเปอร์โบล์ไว้รอบตัวอาคาร เมื่อถึงพิธิเปิด เปเปอร์โบล์ก็จะถูกพ่นออกมาพร้อมๆ กัน ทำให้ดูเหมือนการพ่นของกระสวยอวกาศ จะมีเสียงดังกระหึ่มกึกก้อง
นพ.สำเริงกล่าวว่า บริเวณโดยรอบได้จัดสรรแบ่งโซนพื้นที่สำหรับจัดกิจกรรม เวทีกลาง โซนเครื่องดื่มและอาหาร ลานจอดรถ เต็นท์กิจกรรมกว่า 20 เต็นท์ กิจกรรม Walk into the moon ท่องอวกาศ จำลองภาพการท่องอวกาศ เดินบนดวงจันทร์ ด้วยเทคนิคการถ่ายภาพด้วยระบบ Real time chroma key เด็กๆ ที่เข้าร่วมงานทุกคนมีโอกาสได้เห็นภาพตัวเองโดยมีฉากผนังเป็นภาพอวกาศฉายบน จอ ทำให้สนุกสนานและเรียนรู้เรื่องราวเกี่ยวกับเทคโนโลยีการถ่ายภาพภาพยนตร์ที่ ทันสมัย กิจกรรมนิทรรศการท่องเที่ยว 9 ประเภท กิจกรรมการแสดงดนตรี การแสดงของเยาวชนและนักเรียนของสถาบันต่างๆ กิจกรรมนักข่าวเยาวชน การแข่งขันชิงรางวัลและบูธเกมต่างๆ การแสดงทักษะความรู้ความสามารถ โชว์จักรยานผาดโผน โชว์เครื่องบินบังคับ สไลเดอร์ บ้านบอล ระบายสีฉันรัก อบจ. บอดี้เพนต์ฉันรัก อบจ. การโชว์ร่มบิน พบกับการฉายภาพหมู่ดาว ปรากฏการณ์บนอวกาศบนจอโค้ง 360 องศา ด้วยเครื่องฉายดาวได้ครั้งละ 10 ล้านดวงอีกด้วย.
ท้องฟ้าจำลองโคราช โครงการศูนย์ดาราศาสตร์และวิทยาศาสตร์ (ท้องฟ้าจำลอง) พื้นที่ 30 ไร่ งบประมาณ 155 ล้านบาท ตั้งอยู่ภายในโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาน้อมเกล้า จังหวัดนครราชสีมา ต.โคกกรวด อ.เมืองฯ จ.นครราชสีมา ภายในจะประกอบด้วยเครื่องฉายดาวที่ทันสมัยที่สุดในประเทศไทย การจำลองเหตุการณ์ต่างๆ เช่น การเกิดสุริยุปราคา จันทรุปราคา ฝนดาวตก เป็นต้น โดยจะเปิดให้เข้าชมฟรี เพื่อเป็นแหล่งศึกษา เรียนรู้ทางดาราศาสตร์และวิทยาศาสตร์ ของนักเรียนในจังหวัดนครราชสีมา รวมทั้งประชนชนทั่วไป
ที่มา : http://www.happykorat.com/
http://www.thaipost.net/x-cite/230112/51435
Klang Villa
1.คลังมาร์เก็ต หรือซูเปอร์มาร์เก็ตขนาดย่อม ซึ่งจะเป็นที่รวมของสินค้าในท้องถิ่นและสินค้าที่หาซื้อได้ยากมาไว้แห่งเดียว 2.คลังเพลิน เป็นแหล่งเรียนรู้ จำหน่ายหนังสือ เครื่องเขียน โดยจัดให้มีมุมพักผ่อนมุมนั่งอ่านหนังสือที่โปร่ง โล่งสบาย 3.คลังแซบ เป็นศูนย์รวมอาหารท้องถิ่นของโคราชที่หลากหลาย และมีสีสันตกแต่งให้กลมกลืนกับคอนเซ็ปต์ของคลังวิลล่า
4.คลังทีนโซน เป็นแหล่งช็อปปิ้ง สินค้าตามแฟชั่น เทรนต่างๆ
5.คลังไอทีคอมพิวเตอร์ แหล่งรวมสินค้า ไอที คอมพิวเตอร์ที่ทันสมัย
ที่มา :http://www.klangvilla.com/w2/
อนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี
ท้าวสุรนารี นามเดิมคือคุณหญิงโม เป็นธิดา นายกิ่ม นางบุญมา เกิดเมื่อพ.ศ.2314 สมรสกับพระยาปลัดเมืองนครราชสีมา(ทองคำ) ซึ่งต่อมาได้รับการแต่งตั้งให้มีตำแหน่งเป็นพระยามหิศราธิบดี
ในปี พ.ศ.2369 รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว เจ้าอนุวงศ์บุตรเจ้าศิริบุญสาร ผู้ครองกรุงศรีสัตนาคนหุต ล้านช้างและเวียงจันทร์ ซึ่งเป็นเมืองขึ้นของไทยต้องการเป็นเอกราช จึงเป็นกบฏยกทัพจะมาตีกรุงเทพฯ เจ้าอนุวงศ์ใช้อุบายหลอกลวงเจ้าเมืองตามรายทาง โดยปลอมท้องตราพระราชสีห์ว่าไทยขอให้เจ้าอนุวงศ์ยกทัพมาช่วยรบกับอังกฤษ ซึ่งยกทัพเรือจะมาตีกรุงเทพๆ จึงไม่มีผู้ใดขัดขวาง
วันที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2369 เจ้าอนุวงศ์ยกทัพมาถึงเมืองนครราชสีมา ซึ่งเป็นเมืองหน้าด่านและ มีความอุดมสมบูรณ์ ในขณะที่เจ้าพระยามหานครราชสีมาไม่อยู่และพระยาปลัดเมืองนครราชสีมาไปราชการเมืองขุขันธ์ กองทัพเจ้าอนุวงศ์มาถึงจึงเข้ายึดเมือง ยึดทรัพย์สินและให้เพี้ยรามพิชัยหรือพระยารามพิชัย กวาดต้อนชาวเมืองไปเป็นเชลยศึก เดินทางกลับไปเวียงจันทร์ก่อน ส่วนเจ้าอนุวงศ์เดินทัพต่อไปยังสระบุรีเพื่อเข้ากรุงเทพๆ
ในบรรดาเชลยศึกมีคุณหญิงโมรวมอยู่ด้วย คุณหญิงโมเป็นหญิงที่ฉลาดหลักแหลมรู้ทันว่า เจ้าอนุวงศ์หลอกลวง คุณหญิงโมออกอุบายให้ทหารเวียงจันทร์ตายใจ โดยให้หญิงไทยที่ถูกต้อนเป็นเชลยยั่วยวน หน่วงเหนี่ยวทหารให้เดินทัพช้าลง วางแผนให้พวกผู้หญิง หลอกขอมีด จอบ เสียม มาใช้ซ่อมเกวียนและทำอาหาร แท้จริงแล้วกลับนำมีด จอบ เสียมนั้นมาลอบตัดไม้เป็นอาวุธแอบซ่อนไว้
ระหว่างพักที่ทุ่งสัมฤทธิ์ แขวงพิมาย ซึ่งห่างจากตัวเมืองนครราชสีมาประมาณ 40 กิโลเมตร ในวันที่ 23 มีนาคม พ.ศ.2369 สบโอกาสเหมาะ พวกผู้หญิงช่วยกันหลอกล่อมอมเหล้าทหารจนเมามายไร้สติไปทั้งกองทัพ แล้วช่วยกันทั้งหญิงและชายแย่งอาวุธฆ่าฟัน จนทหารล้มตายเป็นจำนวนมากกองทัพแตกพ่ายไป เมื่อได้รับชัยชนะแล้ว จึงตั้งค่ายอยู่ที่ทุ่งสัมฤทธิ์ ชาวเมืองที่หนีรู้ข่าวการชนะศึก จึงพากันกลับมาสมทบ และพระยาปลัดก็ยกทัพตามมาช่วยทันเวลา ส่วนเจ้าอนุวงศ์รู้ข่าวว่ากรุงเทพๆ ยกทัพขึ้นมาช่วย จึงเลิกทัพกลับไปเวียงจันทร์
วีรกรรมที่คุณหญิงโม ได้ประกอบขึ้นที่ทุ่งสัมฤทธิ์ครั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ สถาปนาคุณหญิงโม ให้ดำรงฐานันดรศักดิ์ เป็นท้าวสุรนารี และพระราชทานเครื่องยศทองคำประดับเกียรติ ดังนี้
- ถาดทองคำใส่เชี่ยนหมาก ๑ ใบ
- จอกหมากทองคำ ๑ คู่
- ตลับทองคำ ๓ เถา
- เต้าปูนทองคำ ๑ อัน
- คณโฑทองคำ ๑ ใบ
- ขันน้ำทองคำ ๑ ใบ
ท้าวสุรนารี ถึงแก่อสัญกรรม เมื่อ พ.ศ.2395 รวมสิริอายุ 81 ปี
อนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี สร้างขึ้นในปี พ.ศ.2477 ตั้งอยู่หน้าประตูชุมพล ซึ่งเป็นประตูเมืองเก่าทางด้านทิศตะวันตก เป็นรูปหล่อทองแดงรมดำ สูง 1.85 เมตร หนัก 325 กิโลกรัม แต่งกายด้วยเครื่องยศพระราชทานแบบโบราณ คือนุ่งผ้ายกทอง ห่มด้วยสไบกรองทองมีตะกรุดพิสมรมงคลสามสายทับสไบ สวมตุ้มหู อยู่ในลักษณะมือขวากุมดาบปลายชี้ลงพื้นมือซ้ายท้าวสะเอว หันหน้าไปทางทิศตะวันตกซึ่งเป็นที่ตั้งกรุงเทพฯ สมัยพระยากำธรพายัพทิศ (ดิส อินทรโสฬส) ข้าหลวงประจำ ประจำ จ.นครราชสีมา และพันเอกพิเศษพระเริงรุกปัจจามิตร (ทองคำ รักสงบ)ผู้บังคับการมลฑณทหารที่ 5 พร้อมทั้งข้าราชการและประชาชนชาวนครราชสีมา ได้ร่วมกันสร้างอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารีขึ้นเพื่อบรรจุอัฐิย่าโม โดยศาสตราจารย์ ศิลป์ พีระศรี เป็นผู้ออกแบบร่วมกับพระเทวาภินิมมิตรประติมากรเลื่องชื่อในช่วงสมัย จอมพล ป. พิบูลสงคราม
ที่มา : http://www.moohin.com/043/043k001.shtmlท้าวสุรนารี นามเดิมคือคุณหญิงโม เป็นธิดา นายกิ่ม นางบุญมา เกิดเมื่อพ.ศ.2314 สมรสกับพระยาปลัดเมืองนครราชสีมา(ทองคำ) ซึ่งต่อมาได้รับการแต่งตั้งให้มีตำแหน่งเป็นพระยามหิศราธิบดี
ในปี พ.ศ.2369 รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว เจ้าอนุวงศ์บุตรเจ้าศิริบุญสาร ผู้ครองกรุงศรีสัตนาคนหุต ล้านช้างและเวียงจันทร์ ซึ่งเป็นเมืองขึ้นของไทยต้องการเป็นเอกราช จึงเป็นกบฏยกทัพจะมาตีกรุงเทพฯ เจ้าอนุวงศ์ใช้อุบายหลอกลวงเจ้าเมืองตามรายทาง โดยปลอมท้องตราพระราชสีห์ว่าไทยขอให้เจ้าอนุวงศ์ยกทัพมาช่วยรบกับอังกฤษ ซึ่งยกทัพเรือจะมาตีกรุงเทพๆ จึงไม่มีผู้ใดขัดขวาง
วันที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2369 เจ้าอนุวงศ์ยกทัพมาถึงเมืองนครราชสีมา ซึ่งเป็นเมืองหน้าด่านและ มีความอุดมสมบูรณ์ ในขณะที่เจ้าพระยามหานครราชสีมาไม่อยู่และพระยาปลัดเมืองนครราชสีมาไปราชการเมืองขุขันธ์ กองทัพเจ้าอนุวงศ์มาถึงจึงเข้ายึดเมือง ยึดทรัพย์สินและให้เพี้ยรามพิชัยหรือพระยารามพิชัย กวาดต้อนชาวเมืองไปเป็นเชลยศึก เดินทางกลับไปเวียงจันทร์ก่อน ส่วนเจ้าอนุวงศ์เดินทัพต่อไปยังสระบุรีเพื่อเข้ากรุงเทพๆ
ในบรรดาเชลยศึกมีคุณหญิงโมรวมอยู่ด้วย คุณหญิงโมเป็นหญิงที่ฉลาดหลักแหลมรู้ทันว่า เจ้าอนุวงศ์หลอกลวง คุณหญิงโมออกอุบายให้ทหารเวียงจันทร์ตายใจ โดยให้หญิงไทยที่ถูกต้อนเป็นเชลยยั่วยวน หน่วงเหนี่ยวทหารให้เดินทัพช้าลง วางแผนให้พวกผู้หญิง หลอกขอมีด จอบ เสียม มาใช้ซ่อมเกวียนและทำอาหาร แท้จริงแล้วกลับนำมีด จอบ เสียมนั้นมาลอบตัดไม้เป็นอาวุธแอบซ่อนไว้
ระหว่างพักที่ทุ่งสัมฤทธิ์ แขวงพิมาย ซึ่งห่างจากตัวเมืองนครราชสีมาประมาณ 40 กิโลเมตร ในวันที่ 23 มีนาคม พ.ศ.2369 สบโอกาสเหมาะ พวกผู้หญิงช่วยกันหลอกล่อมอมเหล้าทหารจนเมามายไร้สติไปทั้งกองทัพ แล้วช่วยกันทั้งหญิงและชายแย่งอาวุธฆ่าฟัน จนทหารล้มตายเป็นจำนวนมากกองทัพแตกพ่ายไป เมื่อได้รับชัยชนะแล้ว จึงตั้งค่ายอยู่ที่ทุ่งสัมฤทธิ์ ชาวเมืองที่หนีรู้ข่าวการชนะศึก จึงพากันกลับมาสมทบ และพระยาปลัดก็ยกทัพตามมาช่วยทันเวลา ส่วนเจ้าอนุวงศ์รู้ข่าวว่ากรุงเทพๆ ยกทัพขึ้นมาช่วย จึงเลิกทัพกลับไปเวียงจันทร์
วีรกรรมที่คุณหญิงโม ได้ประกอบขึ้นที่ทุ่งสัมฤทธิ์ครั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ สถาปนาคุณหญิงโม ให้ดำรงฐานันดรศักดิ์ เป็นท้าวสุรนารี และพระราชทานเครื่องยศทองคำประดับเกียรติ ดังนี้
- ถาดทองคำใส่เชี่ยนหมาก ๑ ใบ
- จอกหมากทองคำ ๑ คู่
- ตลับทองคำ ๓ เถา
- เต้าปูนทองคำ ๑ อัน
- คณโฑทองคำ ๑ ใบ
- ขันน้ำทองคำ ๑ ใบ
ท้าวสุรนารี ถึงแก่อสัญกรรม เมื่อ พ.ศ.2395 รวมสิริอายุ 81 ปี
อนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี สร้างขึ้นในปี พ.ศ.2477 ตั้งอยู่หน้าประตูชุมพล ซึ่งเป็นประตูเมืองเก่าทางด้านทิศตะวันตก เป็นรูปหล่อทองแดงรมดำ สูง 1.85 เมตร หนัก 325 กิโลกรัม แต่งกายด้วยเครื่องยศพระราชทานแบบโบราณ คือนุ่งผ้ายกทอง ห่มด้วยสไบกรองทองมีตะกรุดพิสมรมงคลสามสายทับสไบ สวมตุ้มหู อยู่ในลักษณะมือขวากุมดาบปลายชี้ลงพื้นมือซ้ายท้าวสะเอว หันหน้าไปทางทิศตะวันตกซึ่งเป็นที่ตั้งกรุงเทพฯ สมัยพระยากำธรพายัพทิศ (ดิส อินทรโสฬส) ข้าหลวงประจำ ประจำ จ.นครราชสีมา และพันเอกพิเศษพระเริงรุกปัจจามิตร (ทองคำ รักสงบ)ผู้บังคับการมลฑณทหารที่ 5 พร้อมทั้งข้าราชการและประชาชนชาวนครราชสีมา ได้ร่วมกันสร้างอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารีขึ้นเพื่อบรรจุอัฐิย่าโม โดยศาสตราจารย์ ศิลป์ พีระศรี เป็นผู้ออกแบบร่วมกับพระเทวาภินิมมิตรประติมากรเลื่องชื่อในช่วงสมัย จอมพล ป. พิบูลสงคราม
ที่มา : http://www.moohin.com/043/043k001.shtml
'เมืองหญิงกล้า ผ้าไหมดี หมี่โคราช ปราสาทหิน ดินด่านเกวียน'
จังหวัดนครราชสีมา หรือที่เรียกกันว่า “โคราช” เป็นเมืองใหญ่บนดินแดนที่ราบสูง ที่อุดมสมบูรณ์ด้วยทรัพยากรและสิ่งอำนวยความสะดวกทุกรูปแบบ ผู้มาเยือนจะได้เพลิดเพลินกับธรรมชาติที่งดงามจนได้รับการยกย่องให้เป็นมรดก โลก สนุกสนานไปกับกิจกรรมท่องเที่ยวที่หลากหลาย ได้ชื่นชมความยิ่งใหญ่ของอารยธรรมขอมโบราณ เรียนรู้วัฒนธรรมพื้นบ้าน ได้ความรู้ด้านการเกษตรจากการท่องเที่ยวเชิงนิเวศและเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ทั้งยังได้อิ่มอร่อยกับอาหารอีสานต้นตำรับ และเลือกซื้อหาสินค้าเกษตรและหัตถกรรมพื้นบ้าน ในดินแดนที่เปรียบเสมือนเป็นประตูสู่ภาคอีสานแห่งนี้
ด้วยทำเลที่ตั้งที่อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ มีการคมนาคมที่สะดวกสบาย จังหวัดนครราชสีมาจึงเป็นจุดหมายปลายทางในการท่องเที่ยวพักผ่อนวันหยุดที่ เป็นที่นิยมอันดับต้นๆ แห่งหนึ่งของชาวเมืองหลวงและจังหวัดใกล้เคียงในปัจจุบัน
จังหวัดนครราชสีมามีเนื้อที่ประมาณ 20,494 ตารางกิโลเมตร หรือ 12,808,728 ไร่ เป็นจังหวัดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศไทย สภาพพื้นที่มีทั้งบริเวณที่สูงทางตอนกลาง พื้นที่ลูกคลื่นและที่ราบลุ่มทางตอนเหนือ และบริเวณเทือกเขาและที่สูงทางตอนใต้ของจังหวัด อันเป็นต้นกำเนิดของแม่น้ำลำธารหลายสายที่ไหลไปทางตะวันออกของภูมิภาค มีแม่น้ำสายสำคัญ ได้แก่ แม่น้ำมูล แม่น้ำลำเชียงไกร ลำแซะ ลำพระเพลิง ลำตะคอง และลำปลายมาศ
จากหลักฐานทางโบราณคดีที่พบอยู่ทั่วไปในเขต จังหวัดนครราชสีมา ทำให้เชื่อได้ว่าบริเวณนี้เคยมีชุมชนโบราณยุคก่อนประวัติศาสตร์ตั้งอยู่ จนกระทั่งเข้าสู่ยุคประวัติศาสตร์ก็ยังคงความเจริญรุ่งเรืองมาตลอดตั้งแต่ สมัยทวารวดี โดยมีศูนย์กลางความเจริญอยู่ที่เมืองเสมา เป็นเมืองใหญ่อยู่ในบริเวณที่เป็นอำเภอสูงเนินในปัจจุบัน
ต่อมาในสมัยขอมเรืองอำนาจ มีการสร้างเมืองโคราฆะปุระ หรือเมืองโคราช ขึ้นในบริเวณใกล้เคียง และมีเมืองพิมายเป็นเมืองใต้ปกครองที่สำคัญ จนถึงสมัยกรุงศรีอยุธยา สมเด็จพระนารายณ์มหาราชโปรดเกล้าฯ ให้สร้างเมืองขึ้นใหม่ โดยเอาชื่อเมืองเสมากับเมืองโคราฆะปุระมาผูกกันเป็นนามเมืองใหม่ เรียกว่า “เมืองนครราชสีมา” แต่คนทั่วไปนิยมเรียกกันว่า “เมืองโคราช”
โคราชมีความเจริญรุ่งเรืองขึ้นเรื่อยๆ จนมีฐานะเป็นเมืองเจ้าพระยามหานคร และเมื่อถึงสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 เจ้าอนุวงศ์ผู้ครองเมืองเวียงจันทน์ได้ก่อการกบฏ ยกกองทัพมาตีเมืองนครราชสีมาและกวาดต้อนพลเมืองกลับไปเป็นเชลย คุณหญิงโม ภริยาปลัดเมืองนครราชสีมาในขณะนั้น ได้คิดอุบายแสร้งทำกลัวและประจบเอาใจทหารลาว จนกระทั่งเมื่อขบวนเชลยถูกกวาดต้อนมาหยุดพักที่ทุ่งสัมฤทธิ์ในเขตอำเภอพิมาย เมื่อสบโอกาส คุณหญิงโมก็นำทัพชาวเมืองโจมตีกองทหารเวียงจันทน์จนแตกพ่ายไป วีรกรรมอันหาญกล้าของคุณหญิงโมในครั้งนี้เป็นที่เลื่องลือและสรรเสริญไปทั่ว ต่อมารัชกาลที่ 3 จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนาฐานันดรศักดิ์ให้คุณหญิงโมเป็น "ท้าวสุรนารี"
โคราชมีความเจริญรุ่งเรืองต่อมาจนกลายเป็นชุมทางการค้าที่สำคัญระหว่างภาคตะวันออกเฉียง เหนือกับภาคกลาง จนในสมัยรัชกาลที่ 5 โปรดเกล้าฯ ให้มีการจัดตั้งมณฑลนครราชสีมาขึ้นเป็นมณฑลแรกของประเทศ เพื่อควบคุมดูแลหัวเมืองในบริเวณใกล้เคียง
ปัจจุบันจังหวัดนครราชสีมาเป็นเมืองศูนย์ราชการที่สำคัญรองจากกรุงเทพมหานคร และเป็นศูนย์กลางทางด้านต่างๆ ของภูมิภาค รวมทั้งเป็นที่ตั้งของกองกำลังรบหลักของกองทัพบกและกองทัพอากาศด้วย
จังหวัดนครราชสีมาแบ่งเขตการปกครองออกเป็น 32 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองนครราชสีมา อำเภอครบุรี อำเภอเสิงสาง อำเภอคง อำเภอบ้านเหลื่อม อำเภอจักราช อำเภอโชคชัย อำเภอด่านขุนทด อำเภอโนนไทย อำเภอโนนสูง อำเภอขามสะแกแสง อำเภอบัวใหญ่ อำเภอประทาย อำเภอปักธงชัย อำเภอพิมาย อำเภอห้วยแถลง อำเภอชุมพวง อำเภอสูงเนิน อำเภอขามทะเลสอ อำเภอสีคิ้ว อำเภอปากช่อง อำเภอหนองบุญมาก อำเภอแก้งสนามนาง อำเภอโนนแดง อำเภอวังน้ำเขียว อำเภอเฉลิมพระเกียรติ อำเภอเมืองยาง อำเภอบัวลาย อำเภอสีดา อำเภอเทพารักษ์ อำเภอพระทองคำ และอำเภอลำทะเมนชัย
ที่มา : http://thai.tourismthailand.org/where-to-go/cities-guide/destination/nakhon-ratchasima/
จังหวัดนครราชสีมา หรือที่เรียกกันว่า “โคราช” เป็นเมืองใหญ่บนดินแดนที่ราบสูง ที่อุดมสมบูรณ์ด้วยทรัพยากรและสิ่งอำนวยความสะดวกทุกรูปแบบ ผู้มาเยือนจะได้เพลิดเพลินกับธรรมชาติที่งดงามจนได้รับการยกย่องให้เป็นมรดก โลก สนุกสนานไปกับกิจกรรมท่องเที่ยวที่หลากหลาย ได้ชื่นชมความยิ่งใหญ่ของอารยธรรมขอมโบราณ เรียนรู้วัฒนธรรมพื้นบ้าน ได้ความรู้ด้านการเกษตรจากการท่องเที่ยวเชิงนิเวศและเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ทั้งยังได้อิ่มอร่อยกับอาหารอีสานต้นตำรับ และเลือกซื้อหาสินค้าเกษตรและหัตถกรรมพื้นบ้าน ในดินแดนที่เปรียบเสมือนเป็นประตูสู่ภาคอีสานแห่งนี้
ด้วยทำเลที่ตั้งที่อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ มีการคมนาคมที่สะดวกสบาย จังหวัดนครราชสีมาจึงเป็นจุดหมายปลายทางในการท่องเที่ยวพักผ่อนวันหยุดที่ เป็นที่นิยมอันดับต้นๆ แห่งหนึ่งของชาวเมืองหลวงและจังหวัดใกล้เคียงในปัจจุบัน
จังหวัดนครราชสีมามีเนื้อที่ประมาณ 20,494 ตารางกิโลเมตร หรือ 12,808,728 ไร่ เป็นจังหวัดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศไทย สภาพพื้นที่มีทั้งบริเวณที่สูงทางตอนกลาง พื้นที่ลูกคลื่นและที่ราบลุ่มทางตอนเหนือ และบริเวณเทือกเขาและที่สูงทางตอนใต้ของจังหวัด อันเป็นต้นกำเนิดของแม่น้ำลำธารหลายสายที่ไหลไปทางตะวันออกของภูมิภาค มีแม่น้ำสายสำคัญ ได้แก่ แม่น้ำมูล แม่น้ำลำเชียงไกร ลำแซะ ลำพระเพลิง ลำตะคอง และลำปลายมาศ
จากหลักฐานทางโบราณคดีที่พบอยู่ทั่วไปในเขต จังหวัดนครราชสีมา ทำให้เชื่อได้ว่าบริเวณนี้เคยมีชุมชนโบราณยุคก่อนประวัติศาสตร์ตั้งอยู่ จนกระทั่งเข้าสู่ยุคประวัติศาสตร์ก็ยังคงความเจริญรุ่งเรืองมาตลอดตั้งแต่ สมัยทวารวดี โดยมีศูนย์กลางความเจริญอยู่ที่เมืองเสมา เป็นเมืองใหญ่อยู่ในบริเวณที่เป็นอำเภอสูงเนินในปัจจุบัน
ต่อมาในสมัยขอมเรืองอำนาจ มีการสร้างเมืองโคราฆะปุระ หรือเมืองโคราช ขึ้นในบริเวณใกล้เคียง และมีเมืองพิมายเป็นเมืองใต้ปกครองที่สำคัญ จนถึงสมัยกรุงศรีอยุธยา สมเด็จพระนารายณ์มหาราชโปรดเกล้าฯ ให้สร้างเมืองขึ้นใหม่ โดยเอาชื่อเมืองเสมากับเมืองโคราฆะปุระมาผูกกันเป็นนามเมืองใหม่ เรียกว่า “เมืองนครราชสีมา” แต่คนทั่วไปนิยมเรียกกันว่า “เมืองโคราช”
โคราชมีความเจริญรุ่งเรืองขึ้นเรื่อยๆ จนมีฐานะเป็นเมืองเจ้าพระยามหานคร และเมื่อถึงสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 เจ้าอนุวงศ์ผู้ครองเมืองเวียงจันทน์ได้ก่อการกบฏ ยกกองทัพมาตีเมืองนครราชสีมาและกวาดต้อนพลเมืองกลับไปเป็นเชลย คุณหญิงโม ภริยาปลัดเมืองนครราชสีมาในขณะนั้น ได้คิดอุบายแสร้งทำกลัวและประจบเอาใจทหารลาว จนกระทั่งเมื่อขบวนเชลยถูกกวาดต้อนมาหยุดพักที่ทุ่งสัมฤทธิ์ในเขตอำเภอพิมาย เมื่อสบโอกาส คุณหญิงโมก็นำทัพชาวเมืองโจมตีกองทหารเวียงจันทน์จนแตกพ่ายไป วีรกรรมอันหาญกล้าของคุณหญิงโมในครั้งนี้เป็นที่เลื่องลือและสรรเสริญไปทั่ว ต่อมารัชกาลที่ 3 จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนาฐานันดรศักดิ์ให้คุณหญิงโมเป็น "ท้าวสุรนารี"
โคราชมีความเจริญรุ่งเรืองต่อมาจนกลายเป็นชุมทางการค้าที่สำคัญระหว่างภาคตะวันออกเฉียง เหนือกับภาคกลาง จนในสมัยรัชกาลที่ 5 โปรดเกล้าฯ ให้มีการจัดตั้งมณฑลนครราชสีมาขึ้นเป็นมณฑลแรกของประเทศ เพื่อควบคุมดูแลหัวเมืองในบริเวณใกล้เคียง
ปัจจุบันจังหวัดนครราชสีมาเป็นเมืองศูนย์ราชการที่สำคัญรองจากกรุงเทพมหานคร และเป็นศูนย์กลางทางด้านต่างๆ ของภูมิภาค รวมทั้งเป็นที่ตั้งของกองกำลังรบหลักของกองทัพบกและกองทัพอากาศด้วย
จังหวัดนครราชสีมาแบ่งเขตการปกครองออกเป็น 32 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองนครราชสีมา อำเภอครบุรี อำเภอเสิงสาง อำเภอคง อำเภอบ้านเหลื่อม อำเภอจักราช อำเภอโชคชัย อำเภอด่านขุนทด อำเภอโนนไทย อำเภอโนนสูง อำเภอขามสะแกแสง อำเภอบัวใหญ่ อำเภอประทาย อำเภอปักธงชัย อำเภอพิมาย อำเภอห้วยแถลง อำเภอชุมพวง อำเภอสูงเนิน อำเภอขามทะเลสอ อำเภอสีคิ้ว อำเภอปากช่อง อำเภอหนองบุญมาก อำเภอแก้งสนามนาง อำเภอโนนแดง อำเภอวังน้ำเขียว อำเภอเฉลิมพระเกียรติ อำเภอเมืองยาง อำเภอบัวลาย อำเภอสีดา อำเภอเทพารักษ์ อำเภอพระทองคำ และอำเภอลำทะเมนชัย
ที่มา : http://thai.tourismthailand.org/where-to-go/cities-guide/destination/nakhon-ratchasima/
สมัครสมาชิก:
ความคิดเห็น (Atom)









