วันศุกร์ที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2555
พิพิธภัณฑ์ไม้กลายเป็นหิน
สถาบันวิจัยไม้กลายเป็นหินและทรัพยากรธรณีภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
เฉลิมพระเกียรติ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา มีกำเนิดมาจากการประชุมสัมมนาระดับจังหวัดในเรื่อง “ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมโคราชในทศวรรษหน้า” ที่โรงแรมสีมาธานี เมื่อ 17 พฤศจิกายน 2537 ผศ.ดร.ประเทือง จินตสกุล หัวหน้าภาควิชาภูมิศาสตร์ สถาบันราชภัฏนครราชสีมาขณะนั้น เป็นผู้อภิปรายถึงสถานการณ์วิกฤติของไม้กลายเป็นหิน พร้อมทั้งเสนอโครงการอนุรักษ์ในรูปของอุทยาน และพิพิธภัณฑ์ ผู้ว่าราชการจังหวัด นายสุพร สุภสร ซึ่งร่วมประชุมอยู่ด้วย ได้ประกาศสนับสนุนการอนุรักษ์ตามโครงการดังกล่าว และได้อนุมัติงบประมาณ 1 ล้านบาท ให้กับสถาบันราชภัฏนครราชสีมา จัดทำแผนแม่บทอนุรักษ์และออกแบบพิพิธภัณฑ์ไม้กลายเป็นหินขึ้น
พิพิธภัณฑ์ไม้กลายเป็นหิน ก่อเกิดบนที่ดิน จำนวน 80.5 ไร่ ที่ได้รับความเห็นชอบให้ใช้ประโยชน์จาก อบต.สุรนารี ทำให้มีการลงทุนโครงการในช่วงที่ผ่านมารวมกว่า 180 ล้านบาท ส่วนสำคัญเกิดจากความสนพระทัยของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี การสนับสนุนโดยนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และจากการประสานงานของนายแพทย์ วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รวมทั้งการสนับสนุนจากจังหวัดนครราชสีมา เพื่อการจัดนิทรรศการในพิพิธภัณฑ์ รวมทั้งถนนและงานภูมิทัศน์ สำหรับหน่วยงานอื่นที่สนับสนุน ได้แก่ องค์การบริหารส่วนจังหวัด
สำนักงานโยธาธิการจังหวัด ททท.นครราชสีมา อบต.สุรนารี เป็นต้น
นิทรรศการภายนอก
สวนอนุสรณ์สถานไม้กลายเป็นหิน ร. 6 จำลองจากอนุสรณ์สถานจริง ขนาดจริง จากบ้านตะกุดขอน ตำบลท่าช้าง อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดนครราชสีมา เพื่อเป็นเครื่องรำลึกถึงแนวคิดการอนุรักษ์ไม้กลายเป็นหินของ ร.6 ตั้งแต่เมื่อเกือบ 90 ปีก่อน
สวนจำลองภูมิประเทศแสดงที่มาของชื่อหมู่บ้าน “โกรกเดือนห้า” จุดมุ่งหมายเพื่อแสดงภูมิประเทศในอดีตของพื้นที่ที่เป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ กำเนิดของชุมชนและที่มาของชื่อหมู่บ้าน
สวนจำลองภูมิประเทศไม้กลายเป็นหินลุ่มน้ำมูล – ชี แสดงเกี่ยวกับการกระจายและการกำเนิดของเนินกรวดและไม้กลายเป็นหินในภาคอีสาน ครอบคลุมพื้นที่จังหวัดนครราชสีมาถึงสุรินทร์ และจากจังหวัดบุรีรัมย์ถึงขอนแก่นและกาฬสินธุ์ รวมทั้งลำน้ำมูลและชีเป็นส่วนใหญ่
พิพิธภัณฑ์ไม้กลายเป็นหิน
มีโครงการก่อสร้างตั้งแต่ พ.ศ. 2537 และสามารถจัดแสดงนิทรรศการได้ใน พ.ศ. 2545 แต่เนื่องจากไม้กลายเป็นหินพบได้ในเกือบทุกจังหวัดของภาคอีสาน จึงไม่สามารถนำไม้กลายเป็นหินทั้งหมดและจำนวนมากมาจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์ได้ ส่วนใหญ่จึงจัดแสดงไว้ในงานภูมิทัศน์ของพิพิธภัณฑ์ โดยแยกเป็นโซนพื้นที่ของไม้กลายเป็นหินจังหวัดต่างๆ ขณะที่ในพิพิธภัณฑ์จะเน้นไม้กลายเป็นหินของจังหวัดนครราชสีมา โดยเฉพาะการเน้นลักษณะเด่นพิเศษที่แตกต่างจากจังหวัดอื่นๆ 3 ประการ คือ 1) ไม้กลายเป็นหินอัญมณี 2) ไม้กลายเป็นหินวงศ์ปาล์ม และ 3) ไม้กลายเป็นหินหลากหลายอายุ
ห้องเฉลิมพระเกียรติ : สถาบันพระมหากษัตริย์ไทยกับการอนุรักษ์ไม้กลายเป็นหิน
เพื่อแสดงภาพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและข้อความพระราชดำรัสที่เกี่ยวกับความสำคัญของ “โบราณวัตถุ” ภาพของอนุสรณ์สถานไม้กลายเป็นหิน ร.6 รวมทั้งภาพของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่ทรงสนพระทัยในนิทรรศการและติดตามโครงการอนุรักษ์ไม้กลายเป็นหินของมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมาและจังหวัดนครราชสีมา ตั้งแต่ พ.ศ. 2540
ห้องฉายวีดิโอแอนิเมชั่น : กำเนิดโลก วิวัฒนาการสิ่งมีชีวิตและประวัติพิพิธภัณฑ์ เป็นห้องฉายขนาด 30 ที่นั่ง พื้นไหวสะเทือนได้ สัมพันธ์กับเนื้อหาบนจอภาพที่มีอยู่ 3 จอ
ห้องฉายวีดิโอแอนิเมชั่น : กำเนิดไม้กลายเป็นหินโกรกเดือนห้า เป็นห้องฉายที่จำลองบรรยากาศป่าดงดิบและลำน้ำที่ไหลมาจากแดนไกล ภาพม่านน้ำตกซึ่งเป็นจอภาพด้วย ฉายให้เห็นถึงกำเนิดไม้กลายเป็นหินในบริเวณบ้านโกรกเดือนห้า
ห้องนิทรรศการไม้กลายเป็นหินอัญมณี แสดงไม้กลายเป็นหินอัญมณีขนาดใหญ่ หลากหลายอายุ และไม้กลายเป็นหินตระกูลปาล์ม ซึ่งเป็นความโดดเด่น 3 อย่างของไม้กลายเป็นหินในจังหวัดนครราชสีมา
พิพิธภัณฑ์ช้างดึกดำบรรพ์
เนื่องจากมีการพบซากช้างดึกดำบรรพ์จำนวนมากและหลากหลายชนิดในบริเวณที่ราบลุ่มแม่น้ำมูลและสาขา ครอบคลุมพื้นที่หลายอำเภอของจังหวัดนครราชสีมา ได้แก่ อำเภอเฉลิมพระเกียรติ โนนสูง จักราช พิมาย และอำเภอเมืองนครราชสีมา โดยเฉพาะที่ตำบลท่าช้างของอำเภอเฉลิมพระเกียรติเพียง 1 ตำบล พบช้างดึกดำบรรพ์ถึง 8 สกุล จาก 42 สกุลที่พบทั่วโลก มีอายุอยู่ในสมัยไมโอซีนตอนกลางถึงสมัยไพลสโตซีนตอนต้น (16-0.8 ล้านปีก่อน) คือ ช้างสี่งากอมโฟธีเรียม ช้างงาจอบโปรไดโนธีเรียม ช้างงาเสียมโปรตานันคัส ช้างงายาวอะนันคัส ช้างสเตโกโลโฟดอน
ไซโนมาสโตดอน สเตโกดอน และช้างเอลิฟาสที่เป็นสกุลเดียวกับช้างไทยปัจจุบัน นอกจากนี้ ยังพบสัตว์มีกระดูกสันหลังอื่นๆ ที่อยู่ร่วมกันกับช้างดึกดำบรรพ์อีกหลายสิบชนิด เช่น ยีราฟคอสั้น เอปที่เป็นบรรพบุรุษของอุรังอุตัง สัตว์ที่คล้ายหมูและฮิปโปซึ่งเรียกว่าเมอริโคโปเตมัส สัตว์พวกวัว หมูป่าขนาดเล็ก-ใหญ่ กวางแอนติโลป เสือเขี้ยวดาบ แรด ม้าฮิปปาเรียน เต่า ตะพาบน้ำ จระเข้ และหอยต่างๆ ซึ่งทั้งหมดจัดแสดงร่วมกันในพิพิธภัณฑ์ช้างดึกดำบรรพ์ อันนับเป็นการสนับสนุนความสำคัญของช้างในฐานะสัตว์ประจำชาติไทย
อุโมงค์ช้างดึกดำบรรพ์ เป็นอุโมงค์ย้อนเวลาที่แสดงวิถีชีวิตมนุษย์ในยุคก่อนประวัติศาสตร์ของดินแดนทางนครราชสีมา จนถึงชีวิตของช้างดึกดำบรรพ์เมื่อ 16 ล้านปีก่อน
วิดิทัศน์และนิทรรศการ เรื่องช้างดึกดำบรรพ์ บอกเล่าถึงชนิดของช้างในจังหวัดนครราชสีมา แถบลุ่มน้ำมูล รวมทั้งแสดงฟอสซิล ช้างจากพม่า ไทย แมมมอธและมาสโตดอนจากอเมริกาและงาช้างกลายเป็นหินที่ใหญ่ที่สุดที่คาดว่าท่านไม่เคยเห็นในที่อื่นมาก่อน
พิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์
เนื่องจากตำบลโคกกรวดที่อยู่ใกล้พิพิธภัณฑ์ หรือกระทั่งตำบลสุรนารีที่เป็นที่ตั้งพิพิธภัณฑ์ มีชิ้นส่วนกระดูกและฟันไดโนเสาร์กระจายอยู่ทั่วไป และพบต่อเนื่องเป็นพื้นที่กว้างขวางกว่า 28,000 ไร่ จนถึงอำเภอปักธงชัยและด่านขุนทด แม้จะเป็นกระดูกในสภาพที่แตกหักและกระจัดกระจายในหินแข็งที่เป็นหินกรวดมนปนปูน แต่พบอยู่เป็นจำนวนมากโดยสามารถจำแนกเบื้องต้นได้ถึง 4 พวก คือ พวกอัลโลซอร์ หรือพวกกินเนื้อขนาดใหญ่ที่คาดว่าอาจยาวถึง 10 เมตร พวกซอโรพอด หรือพวกกินพืชขนาดใหญ่ มีคอและหางยาว คาดว่ามีความไม่ต่ำกว่า 15 เมตร ส่วนพวกขนาดกลางและกินพืช คือ อิกัวโนดอนต์ที่มีฟันคล้ายกิ้งก่าอิกัวนา กับแฮดโดรซอร์หรือไดโนเสาร์ปากเป็ด ไดโนเสาร์เหล่านี้อยู่ในยุคครีเทเชียสตอนต้น (ประมาณ 100 ล้านปีก่อน) และมีความแตกต่างกับไดโนเสาร์ที่พบในจังหวัดขอนแก่น กาฬสินธุ์ หรือจังหวัดชัยภูมิ บางพวกถือว่าพบเป็นแหล่งแรกของประเทศไทย เช่น พวกอัลโลซอร์และแฮดโดรซอร์ นอกจากนี้ ยังพบพวกสัตว์เลื้อยคลานบินหรือเทอโรซอร์ที่อยู่ร่วมยุคกับไดโนเสาร์อีกด้วย
อุโมงค์ไดโนเสาร์ บรรยากาศและแสงสีคล้ายจริงน่าตื่นเต้น เมื่อท่านอยู่ในอุโมงค์กับฝูงและใบหน้าของไดโนเสาร์ เสียงร้องและความเคลื่อนไหวในระยะใกล้
นิทรรศการไดโนเสาร์โคราช มีทั้งเนื้อหาความรู้ ภาพ ของจริง และรูปจำลองขนาดใหญ่ที่เคลื่อนไหวได้ของไดโนเสาร์พันธุ์กินเนื้อพวก “อัลโลซอร์” กับแม่ลูกพันธุ์กินพืช “อิกัวโนดอนต์”
ห้องฉายวีดิโอแอนิเมชั่น เรื่อง “แม่อิกัวโนดอนต์ ใจเด็ด ปะทะอัลโลซอร์จอมโหด !“ ในห้องฉายวิดีโอแอนิเมชั่นรอบทิศหรือ 360 องศา
นิทรรศการ “มุมเด็ก” เป็นมุมที่เด็กได้ขุดค้นหาซากดึกดำบรรพ์แบบนักบรรพชีวินวิทยาน้อย และร่วมถ่ายภาพกับไดโนเสาร์โคราชดังกล่าว ซึ่งรวมทั้งไดโนเสาร์ปากเป็ด “แฮดโดรซอร์”
อัตราค่าเข้าชม
ผู้ใหญ่ 30 บาท
นักศึกษา ปวส.-ปริญญาตรี 20 บาท
นักเรียนอนุบาล-ปวช. 10 บาท
ชาวต่างชาติ 100 บาท
เด็กต่างชาติ 50 บาท
พระภิกษุ สามเณร ผู้สูงอายุ (60 ปีขึ้นไป) ฟรี
ผู้ทุพพลภาพ ฟรี
ที่มา : http://www.khoratfossil.org/museum/index.php?option=com_frontpage&Itemid=40
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)









ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น